top of page

ถามตอบกับ Anna Wintour ต้นแบบหนัง The Devil Wears PRADA ครั้งแรกที่ สอนภาวะผู้นำแนว Design Thinking

Updated: May 24, 2020

สรุป สัมภาษณ์ กับสุดยอดตำนานแห่ง Vogue แอนนา วินทัวร์ "Anna Wintour"


หนึ่งในบุคคลในตำนาน ในวงการแฟชั่น ที่เป็นต้นแบบให้กับหลายๆคน โดยเฉพาะกับคำที่ติดหูว่า "That's All" จากในหนังเรื่อง The Devil Wears Prada วันนี้ แอนนา วินทัวร์ (Anna Wintour) ได้เปิดคอร์สสอนวิชา Creative Leadership ภาวะผู้นำ และความคิดสร้างสรรค์ ตามแนว Design Thinking บนแพลทฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ "Master Class" วันนี้เธอได้มา Live สัมภาษณ์สด ่พร้อมตอบคำถามให้กับผู้ชมทัั่วโลก ถึงโปรเจ็คใหญ่ที่เธอกำลังผลักดัน และเล่าถึงสาเหตุที่เธอตัดสินใจสอนวิชานี้ ทีมงานได้พยายามสรุป และเลือกตอนที่น่าสนใจ และคิดว่าเป็นประโยชน์มาให้ทุกๆคนได้อ่านกันนะครับ พร้อมแล้วไปกันเลย

ถาม ทำไมคุณถึงยอมมาสอนกับแพลทฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ "Master Class"

ตอบ มีน้องๆ หลายๆคน ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์เนอร์ ผู้สื่อขาว ตากล้อง ที่สนใจอยากเข้ามาอยู่ในโลกแฟชั่น ที่ฉันรักมากๆ ฉันอยากที่จะแบ่งปันประสบการณ์ที่ฉันมี ให้กับพวกเขา


ถาม สำหรับหัวข้อทำไมคุณถึงเน้นที่เรื่อง ภาวะผู้นำ กับ ความคิดสร้างสรรค์



ตอบ ฉันคิดว่ามันเป็นสองเรื่องที่คู่กันมากๆ ถ้าคุณเป็นผู้นำ คุณต้องแสดงให้เห็นว่าคุณเห็นคุณค่า

ของความคิดสร้างสรรค์ และสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง


แอนนา ได้ยกตัวอย่างของโครงการ Common Thread ที่พัฒนามาจาก CFD Vogue Fashion Fund

ที่ได้ใช้สำหรับช่วยเหลือในเหตุการณ์ 9-11 และตอนนี้ได้ถูกนำมาช่วยผู้ที่ประสบปัณหาจาก COVID-19

ภายในสี่อาทิตย์ที่เราประกาศโปรแกรมนี้ มีคนสมัครเข้ามากว่าพันคน และเราสามารถระดมทุนได้มากกว่า

150 ล้านบาท (ใครสนใจรายละเอียดสามารถดูได้ที่ https://www.vogue.com/article/a-common-thread-video-series)


ถาม สำหรับ Vogue ฉบับเดือน มิถุนายน กรกฏาคม ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 บ้างไหม


ดูบทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ผ่าน Facebook Live


ตอบ ต้องบอกว่าเป็น ฉบับที่ไม่ใช่อย่างที่เราวางไว้ตอนแรกเลย เราต้องปรับเปลี่ยนหมด และจะสื่อ

ให้ทุกๆคนเห็นถึง สภาวะปัจจุบันที่พวกเราประสบเจอ ความรู้สึก ความทรงจำต่างๆ ที่เราต้องอยู่กับมัน ซึ่งเชื่อว่าฉบับนี้จะเป็นฉบับที่ควรค่าต่อการเก็บสะสมไว้

คำถามจากทางบ้าน จะมีวิธีแสดงให้เห็นถึง ความคิดสร้างสรรค์ บนใบสมัครงาน หรือตอนสัมภาษณ์งาน

ได้อย่างไรบ้าง

ตอบ แอนนาให้ ผู้สัมภาษณ์เล่าประสบการณ์ การสัมภาษณ์ครั้งแรกที่เขามาสัมภาษณ์งานกับแอนนาตอน

เขาอายุ 21 ปี เขาเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า วันที่เขาต้องไปสัมภาษณ์กับแอนนา เขาได้พบกับ

ผู้ช่วยของแอนนา ซึ่งเมื่อผู้ช่วยเห็นเขา ก็บอกเขาว่า อากาศค่อนข้างร้อนและขอให้เขาถอดเสื้อแจ็คเก็ต CHANEL ออก

แต่เขาปฏิเสธ เมื่อถึงเวลาสัมภาษณ์ ปรากฏว่าเขาใส่ชุดเหมือนกับแอนนาเปี๊ยะ แอนนาเล่าต่อว่า

แม้วันนั้นเขาจะไม่ได้งาน แต่แอนนาไม่มีทางที่จะลืมเขา และสุดท้ายเขาก็ได้กล้บมาร่วมงานกับแอนนา และเป็นกำลังสำคัญให้กับ Vogue

บทสรุปจากเหตุการณ์นี้ คือไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราไม่ควรเปลี่ยนความเป็นตัวของตัวเรา หรือความคิด

สร้างสรรค์ที่เรามีอยู่ สิ่งเหล่านี้คือคุณค่าสำคัญในตัวคุณ


คำถามจากทางบ้าน แอนนามีสอนใน Master Class ถึงการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด (Being Decisive)

เลยอยากรู้ว่าแอนนาสร้างสิ่งเหล่านี้มาได้อย่างไร

ตอบ ส่วนหนึ่งมาจากครอบครัว แอนนาเห็นแบบอย่างการตัดสินใจของคุณพ่อตลอดเวลา และเห็นถึงผลลัพธ์

ที่ดีที่มาจากการตัดสินใจหลายๆเรื่องของคุณพ่อ และตลอดเส้นทางอาชีพของเธอ เธอได้ทำงานกับ

หัวหน้าที่เป็นคนที่มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจอย่างมาก ซึ่งเธอรู้สึกว่าทำให้เธอทำงานได้ง่ายมากๆ

มากกว่าต้องทำงานกับคนที่เปลี่ยนใจตลอดเวลา หรือไม่ชัดเจนในทิศทาง

คำถามจากทางบ้าน แอนนาใช้เวลาในแต่ละวันทำอะไรบ้างในช่วงเดือนที่ผ่านมา

ตอบ แอนนาบอกว่าเธอโชคดีมากที่เธอมีบ้านที่ Long Island ซึ่งทำให้เธอได้เห็นบรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิ

อย่างที่เธอไม่เคยได้เห็นมันมาก่อน. “ถ้าฉ้นไม่ได้อยู่ในห้องนี้ทำงาน ฉันจะใช้่เวลาเดินรอบๆ สวนเดินดู

ดอกไม้ต่างๆ และที่สำคัญที่ฉันได้ใช้เวลากับครอบครัว”

คำถามจากทางบ้าน ถึงทิศทางของวงการแฟชั่นในอนาคต

ตอบ อันนี้แอนนาบอกว่าเธอบอกไม่ได้จริงๆ แต่ที่แน่ๆเป็นช่วงเวลาที่ทุกๆคนจะต้องใช้เวลาที่ใช้ความคิด

สร้างสรรค์อย่างที่ไม่เคยได้ใช้มาก่อน และออกไปคุย ทำความเข้าใจผู้อ่าน ผู้ชม และเข้าใจในสิ่งที่ลูกค้า

ให้ความสำคัญ คำว่าแฟชั่นสามารถหมายถึง ความรู้สึก (emotion) ความทรงจำดีๆ และเป็นสิ่งที่คุณ

สามารถส่งต่อให้กับคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นลูกชาย หรือลูกสาวของคุณได้ด้วย


จากที่ได้ฟังแอนนาให้สัมภาษณ์ สำผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับวงการแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นวิถีการทำงาน

ที่จะต้องเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ซึ่งจะตรงกับสิ่งที่เราพูดกันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ กับคำว่า Empathy และจากความเข้าใจที่มากขึ้นจะทำให้สามารถนำเสนอคุณค่่าดีๆ ให้กับลูกค้าได้มากขึ้น และที่แอนนาว่า แฟชั่นจะไม่ใช่แค่การสวมใส่ หรือใส่แค่ครั้งเดียว แต่จะเป็นเรื่องของความทรงจำดีๆ ความรู้สึกพิเศษ เรามาดูกันครับว่าเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆในวงการแฟชั่นกันแบบไหนกันบ้าง


481 views0 comments
bottom of page