top of page

เรื่องจริงที่ Netflix เมื่อบริษัทให้อิสระพนักงาน

เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 2014 เกือบ 7 ปีมาแล้วที่บริษัทได้ยกเลิกกฏหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นกฏการจำกัดวันลาพักร้อน หรือจำกัดการใช้จ่าย



เรื่องมีอยู่ว่า เช้าวันศุกร์ที่ 18 เมษายน ไนเจิล ผู้อำนวยการฝ่ายพันธมิตร มาถึง Netflix ที่ Silicon Valley เวลา 8.15 น. วันนั้นอากาศกำลังอุ่นๆ แดดสดใส ไนเจิลเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดี แวะไปเอากาแฟ ที่ครัวเปิดสำหรับพนักงาน ที่ชั้นสี่ และกำลังจะเดินไปที่บริเวณที่จะมีการทดสอบสตรีมหนังบนทีวี 4K ของ Samsung และ Sony

เมื่อเขามาถึง สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาต้องตกตะลึง แต่ตกใจเป็นอย่างมาก......


Netflix ได้ลงทุนมหาศาล เพื่อที่จะให้ลูกค้าจะได้ดูซีรี่ย์ House of Cards บนทีวี 4K อย่างชัดๆ แต่ปัญหามีอยู่ว่า ณ.ตอนนั้น ไม่มีทีวีไหนที่รองรับความละเอียด 4K เลย

ที่ตอนนี้จะมีอยู่ก็เป็นของ Samsung แต่ราคาก็แพงมากๆ เราไม่มั่นใจเหมือนกันว่าลูกค้าจะซื้อทีวีนี้ไหม เป้าหมายของผมในปีนี้ก็คือ ร่วมมือกับ Samsung เพื่อให้คนเยอะที่สุดได้ดู House of Cards ในความละเอียด 4K ให้ได้


เราได้มีการเตรียมการให้นักข่าวชื่อดังอย่าง Geoffrey Fowler ที่ปกติจะรีวิวสินค้า ไฮเทค ให้กับหนังสือพิมพ์ Washington Post ที่มีผู้อ่านอยู่มาผกกว่า 2 ล้านคน มาทดสอบดู House of Cards บนทีวี Samsung 4K. ซึ่งถ้าเขาประทับใจ และบทรีวิวออกมาดี มันจะดีมากๆ เลย


วันพฤหัส ทางวิศวกรของ Samsung มาที่ Netflix พร้อมด้วยทีวี 4K และติดตั้งพร้อมกับวิศวกรฝั่งเรา เพื่อที่จะได้มั่นใจว่า คุณ Fowler จะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด

ทุกอย่างพร้อม ทีวีพร้อม ตกเย็นทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้าน


แต่... เช้าวันรุ่งขึ้น วันศุกร์ วันเกิดเหตุ เมื่อผมมาถึงบริษัท ทีวีไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว ทุกอย่างหายไปหมดเลย.......


ผมรีบไปตามหา เช็คกับทางทีมดูแลพื้นที่ ปรากฏว่าทีวีได้ถูกนำไปทิ้งพร้อมกับทีวีรุ่นเก่า

ที่เราได้บอกให้เขาเอาไปทิ้ง


แย่เลย แบบนี้แย่มากๆ เพราะว่าทุกอย่างกำลังจะเริ่มในอีกสองชั่วโมงแล้ว ไม่ทันแน่นอนถ้าเราจะโทรไปให้ทาง Samsung เอาเครื่องมาใหม่ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือไปหาซื้อทีวี ก่อน 10 โมงเช้า ผมเริ่มโทรไปที่ร้านอิเล็คทรอนิคส์ ในเมือง ปรากฏว่าทุกร้านบอกว่า ไม่มีทีวี 4K เลย ตอนนี้ใจผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเป็นที่เรียบร้อย เราเสร็จแน่ ไม่ทันแน่ๆ


ผมนี่แทบร้องเลย เมื่อ นิค วิศกรน้องใหม่ ที่เด็กที่สุดในทีมของเรา วิ่งเข้ามาหาแล้วบอกว่า "ไม่ต้องเป็นห่วงครับ" ผมได้แก้ปัญหาให้เรียบร้อย เมื่อคืนผมมาที่บริษัท และเห็นว่าทีวีไม่อยู่แล้ว ผมพยายามโทรหาพี่ แต่ติดต่อพี่ไม่ได้เลย


ผมเลยตัดสินใจขับรถไปที่ Best Buy และซื้อทีวีแบบเดียวกัน และทดสอบไว้ให้เรียบร้อย

ทีวีตัวนี้ราคาเกือบ 7 หมื่นบาท แต่ผมคิดมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ผมต้องซื้อมันไว้ทดแทน


ผมนี่อึ้งเลย ทีวีเครื่องละ 7 หมื่นกว่าบาท และน้องวิศกรสามารถตัดสินใจที่จะซื้อมันโดยไม่ต้องขออนุมัติ เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องแล้ว. ผมนี่โล่งเลย


ถ้าเรายังคงมีนโยบายที่จะต้องให้หัวหน้า อนุมัติอยู่ ยังไงเรื่องแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม


สุดท้าย Fowler ชอบความละเอียดบนทีวี 4K มากๆ และเขียนรีวิว ในบทความวันที่ 16 เมษายน บน Wall Street Journal ให้อย่างเห็นภาพ และดีมากๆ


เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สิ่งดีๆ มักจะตามมาเมื่อเราลดข้อจำกัด เปิดให้มีโอกาสในการคิด และตัดสินใจ ให้มากขึ้น แถมที่สำคัญทำให้การคิด การแก้ปัญหาเร็วขึ้นมากๆ

แถมเป็นการแสดงให้เห็นถึงพลังของประโยคที่ Netflix ใช้ว่า

"Act in Netflix's best interest." ซึ่งพลังมากกว่าการกำหนดนโยบาย จำกัดโน้น จำกัดนี้ของ HR เสียอีก

196 views0 comments
bottom of page